ลักษณะผลิตภัณฑ์หรือการบริการ
 
    บริษัทประกอบธุรกิจด้านประกันวินาศภัย ซึ่งให้บริการด้านรับการเสี่ยงภัยจากผู้เอาประกันภัย โดยได้รับเบี้ยประกันภัยเป็นค่าตอบแทน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่ขายให้แก่ผู้ให้บริการ คือ กรมธรรม์ประเภทต่างๆ เช่น กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย , กรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง , กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยเบ็ดเตล็ด ซึ่งกรมธรรม์ต่างๆ เหล่านี้จะให้ความคุ้มครองการเสี่ยงภัยแก่ทรัพย์สินต่างๆ ที่ผู้เอาประกันภัย (ลูกค้า) สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการเพื่อให้เหมาะสมกับทรัพย์สินแต่ละประเภท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทกรมธรรม์ต่างๆ โดยสังเขปดังนี้
 
1. การประกันอัคคีภัย

     เป็นการประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย เช่น อาคารสิ่งปลูกสร้าง, สต๊อคสินค้า และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ที่ต้องสูญเสียหรือเสียหาย เนื่องจากเพลิงไหม้ หรือฟ้าผ่า หรือการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่าง หรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยในระหว่างระยะเวลาที่ได้เอาประกันภัยไว้ โดยบริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ตามราคาเสียหายที่แท้จริงของทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้ ในขณะเกิดการสูญเสียหรือเสียหายแต่ไม่เกินกว่าจำนวนเงินที่เอาประกันไว้

     นอกจากการให้ความคุ้มครองจากภัยดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้เอาประกันภัยยังสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมจากภัยดังต่อไปนี้ได้ด้วย เช่น ภัยแผ่นดินไหว ภัยน้ำท่วม และภัยพายุ เป็นต้น

 
2. การประกันภัยทางทะเลและการขนส่ง
    
     เป็นการประกันภัยที่มุ่งให้ความคุ้มครองต่อความสูญเสีย หรือเสียหายซึ่งเกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่เอาประกันภัยจากภัยทางทะเล ในระหว่างการเดินทางหรือการขนส่งทางทะเล ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเรือหรือสินค้าที่บรรทุกอยู่ในตัวเรือ ซึ่งการประกันภัยประเภทนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ คือ

      2.1) การประกันภัยสินค้า
      จะให้ความคุ้มครองต่อสินค้าที่เอาประกันภัยซึ่งอยู่ในระหว่างการขนส่งทางทะเล, ทางบกหรือทางอากาศ อันเนื่องมาจากภัยลักทรัพย์ ไฟไหม้ พายุหรือยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าประสบอุบัติเหตุ เป็นต้น

      2.2) การประกันภัยตัวเรือ
     จะให้ความคุ้มครองต่อความสูญเสีย หรือเสียหายซึ่งเกิดขึ้นกับตัวเรือที่เอาประกันภัยไว้ อันเนื่องมาจากภัยลมพายุ หรือเกยตื้น เรือชนกัน เรือชนหินโสโครก เป็นต้น
 
3. การประกันภัยรถยนต์

     เป็นการประกันภัยที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ คือ

      3.1) การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ
      เป็นการประกันภัยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ได้กำหนดบังคับให้เจ้าของรถต้องจัดให้มีการทำประกันภัยเอาไว้เป็นขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งความคุ้มครองของการประกันภัยนี้คือ ผู้ประสบภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกายและอนามัย แต่ไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน เช่น ค่าซ่อมรถ แต่อย่างใด

      3.2) การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
     เป็นการประกันภัยซึ่งเจ้าของรถมีความประสงค์ จะมอบหมายความเสี่ยงภัยจากอุบัติเหตุจากการใช้รถให้กับผู้รับ ประกันภัย เป็นผู้รับเสี่ยงภัยไว้แทน ซึ่งความคุ้มครองที่จะได้รับก็ขึ้นกับความสมัครใจของเจ้าของรถผู้เอาประกันภัย ว่าจะเลือกซื้อความคุ้มครองมากน้อยเพียงใด คือ
 

- แบบคุ้มครองรวม (COMPREHENSIVE) ซึ่งโดยทั่วไปนิยมเรียกกันว่า การประกันภัยประเภท 1 โดยจะให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ซึ่งได้รับบาดเจ็บต่อชีวิต ร่างกาย รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งเกิดขึ้นจากรถประกัน และในส่วนตัวรถประกันก็จะได้รับความคุ้มครองต่อความสูญหาย รวมถึงความเสียหายต่อรถประกัน อันเนื่องมาจากการชนการคว่ำ ไฟไหม้ เป็นต้น
- แบบคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และความเสียหายต่อรถประกันเนื่องจากไฟไหม้หรือภัยอื่น (THIRDPARTY + OTHER PERILS) หรือที่นิยมเรียกกันว่าการประกันภัยประเภท 2 โดยจะให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกเหมือนแบบคุ้มครองรวม แต่ในส่วนรถประกันจะได้รับคุ้มครองเฉพาะความเสียหายจากไฟไหม้ การถูกลักทรัพย์ทั้งคัน เท่านั้น ไม่รวมถึงการชนหรือการคว่ำ
- แบบคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอย่างเดียว (THIRDPARTY ONLY) หรือที่นิยมเรียกกันว่าการประกันภัยประเภท 3 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน หรือชีวิตร่างกายของบุคคลภายนอก อันเนื่องมาจากการใช้รถประกันเท่านั้น ส่วนตัวรถประกันเจ้าของรถผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง
 
4. การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
          เป็นการประกันวินาศภัยทุกประเภทนอกเหนือจากการประกันภัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ดังนั้น การประกันภัยเบ็ดเตล็ดจึงประกอบไปด้วยความคุ้มครองหลายรูปแบบ เช่น
การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
การประกันภัยสุขภาพ
การประกันภัยเงินค่าทดแทนแรงงาน
การประกันภัยหม้อกำเนิดไอน้ำ และถังอัดความดัน
การประกันภัยเครื่องจักรโรงงาน
การประกันกระจก
การประกันภัยเดินทาง
การประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
การประกันภัยการขนส่งเงินสด
การประกันภัยกอล์ฟ
การประกันภัยระหว่างการก่อสร้าง และติดตั้งเครื่องจักร
การประกันภัยความซื่อสัตย์
การประกันภัยโจรกรรม
การประกันภัยวิชาชีพ
 
5. การประกันภัยต่อ (REINSURANCE)

     บริษัทฯ จะรับประกันต่อ (INWARD REINSURANCE) จากบริษัทผู้รับประกันภัยที่มีฐานะที่ดี และเชื่อถือได้ด้วย โดยบริษัทฯ จะใช้หลักเกณฑ์การพิจารณารับประกันต่อทำนองเดียวกันกับการรับประกันภัยโดยตรง ได้แก่ การพิจารณาคัดเลือกรับงานที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ มีประวัติความเสียหายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นต้น และในทำนองเดียงกัน เมื่อบริษัทฯ ได้รับประกันภัยไว้แล้ว บริษัทฯ จะรับเสี่ยงภัยไว้เองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือบริษัทฯ จะนำการเสี่ยงภัยดังกล่าว ไปทำการประกันภัยต่อ (OUTWARD REINSURANCE) กับบริษัทผู้รับประกันภัยต่างๆ ทั่วโลกที่ฐานะการเงินมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายการเสี่ยงภัยตามหลักวิชาการประกันภัย อีกทั้งยังเป็นการทำให้ธุรกิจประกันภัยของบริษัทฯ เกิดความมั่นคง และเจริญรุดหน้า โดยสามารถที่จะรับภัยใหญ่ๆ ที่มีจำนวนเงินเอาประกันมากกว่าทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ได้ และในการนี้บริษัทฯ ยังได้รับค่าตอบแทนเป็นค่านายหน้าจากการประกันต่อนี้ด้วย