ประกันฯร่นเก็บเบี้ยไม่เกิน 45 วัน + แก้ปัญหาสภาพคล่อง-เบี้ยค้างรับ 'ทิพยฯ'หันจับรายย่อยเบื่อรายใหญ่ขอลากเครดิตเทอม
บ.ประกันภัยประกาศนโยบายลดเบี้ยค้างรับ ทยอยร่นระยะเวลาเรียกเก็บเบี้ยจากลูกค้า หั่นเครดิตเทอมจาก 60 วัน
หรือสูงกว่าเป็นไม่เกิน 45 วัน เตรียมพร้อมรับมือ คปภ.ชงใช้เกณฑ์ใหม่ Cash Before Cover หรือจ่ายเบี้ยเงินสดออกกรมธรรม์คุ้มครองทันที
"ทิพยประกันภัย" ประเดิมปีนี้หั่นเครดิตเทอมลูกค้าองค์กรและรายบุคคลที่เป็นกรมธรรม์ใหม่ ต้องจ่ายเบี้ยภายใน 45 วัน
หันขยายตลาดรายย่อยเพราะส่วนใหญ่จ่ายเงินสดทันที
จากการประชุมระดมความเห็นระหว่างคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
เมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาฯคปภ.ได้แจ้งให้บริษัทประกันวินาศภัยรับทราบเรื่องการแก้ไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ในส่วนของ
Cash before cover หรือการออกกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยทันทีที่มีการจ่ายเงินสด เพื่อเป็นการจัดระเบียบเบี้ยประกันภัยค้างรับ
และแก้ปัญหาสภาพคล่องของบริษัทประกันวินาศภัยนั้น
นายสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด
ในฐานะอุปนายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ทางสมาคมอยู่ระหว่างกำหนดรูปแบบ Cash Before Cover
เพื่อใช้กับธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะมีข้อสรุปภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
โดยแนวทางเบื้องต้นในการกำหนดรูปแบบของสัญญาที่เป็นมาตรฐานใหม่ระหว่างบริษัทประกันภัยกับตัวแทน
ไม่ว่าจะรับงานมาจากช่องทางใด เช่น ตัวแทน นายหน้า ไฟแนนซ์ หรือดีลเลอร์ ด้วยการยกเลิกเครดิตเทอม 60 วัน
หรือระยะเวลาการนับเบี้ยประกันภัยค้างรับเป็นทรัพย์สินของบริษัท เพราะหากมีเครดิตเทอมอยู่จะไม่สามารถปฏิบัติตามหลักการนี้ได้
นอกจากนี้รูปแบบของสัญญามาตรฐานใหม่จะเน้นควบคุมตัวแทนมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะการกำหนดระยะเวลาการส่งเบี้ยของตัวแทนกลับเข้ามายังบริษัทต้องเร็วขึ้น เช่น ภายใน 7 วันหรือ 15 วัน
ซึ่งหากตัวแทนไม่จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดและเกิดค่าสินไหมขึ้น ตัวแทนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายค่าสินไหมที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากเบี้ยประกันภัยที่ต้องส่งให้บริษัทอยู่แล้ว โดยการปรับเงื่อนไขดังกล่าวนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่อง
สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทประกันภัยแล้ว ยังเป็นการช่วยแก้ปัญหากรณีที่ผู้เอาประกันภัยจ่ายเบี้ยแล้ว
แต่กรมธรรม์ยังไม่คุ้มครอง เพราะค่าเบี้ยไปติดอยู่ที่ตัวแทนนายหน้าหรือคนกลาง
"หากมีการใช้ Cash Before Cover ด้วยการยกเลิกเครดิตเทอม 60 วัน
จะช่วยลดจำนวนเบี้ยค้างรับและส่งเสริมให้เงินกองทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น
บริษัทจำเป็นต้องมีมาตรการต่อไปที่จะควบคุมตัวแทนให้จ่ายเงินกับบริษัทตรงเวลา
เพราะถ้าตัวแทนรับเงินแล้วแต่ไม่จ่ายเงินให้บริษัทในระยะเวลาที่กำหนด
บริษัทก็ต้องไล่บี้กับตัวแทน โดยปัจจุบันยังมีกำหนดเครดิตเทอมให้กับตัวแทนหรือนายหน้าถึง 60 วัน
และบางบริษัทขยายระยะเวลาให้แก่ลูกค้าถึง 120 วันก็ยังมีอยู่" นายสุขเทพกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ปีนี้บริษัทมีนโยบายใหม่ในส่วนของการลดหนี้ค้างจากเบี้ยประกันภัยด้วยการเร่งรัดการเก็บค่าเบี้ยประกันภัยของหน่วยงานหรือองค์กรเร็วขึ้นเป็นไม่เกินระยะเวลา 45 วัน (เครดิตเทอม)
นับตั้งแต่ออกกรมธรรม์ ซึ่งจะใช้กับกรมธรรม์ใหม่ในปี 2551 นี้ เพื่อให้บริษัทสามารถเก็บเงินสดเข้ามาได้เพิ่มขึ้น
เป็นการเพิ่มสภาพคล่องในส่วนของรายได้ค้างรับจากเบี้ยประกันภัย จากแนวโน้มในปี 2550 ที่เริ่มดีขึ้นจากปี 2549 และเป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่จะมีการใช้ Cash before Cover
"ถึงแม้ปัจจุบันบริษัทยังมีสภาพคล่องทางการสูง แต่ก็มีหนี้ค้างเป็นระยะเวลานาน
เป็นผลมาจากบริษัทให้เครดิตเทอมกับกลุ่มลูกค้าองค์กรรายใหญ่มากเกินไป จากปกติที่กำหนดระยะเวลาเก็บเบี้ยควรจะอยู่ที่ 30 วัน
ทั้งรายบุคคลและหน่วยงาน แต่ก็มีการให้เครดิตเทอมกันถึง 60 วัน หรือตามข้อตกลงกับลูกค้า
โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มักจะขอขยายเวลา ทำให้มีความเสี่ยงในการที่จะเกิดเป็นหนี้สูญ " แหล่งข่าวกล่าว
นโยบายดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการทำตลาดกลุ่มองค์กร
แต่ขณะเดียวกันจะเป็นผลดีกับบริษัทในการคัดเลือกกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีวินัยในการจ่ายค่าเบี้ยมากขึ้น
และเป็นการสนับสนุนให้บริษัททำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย มีเบี้ยประกันขยายตัวประมาณ 6-7% จากปีที่ผ่านมา
เพราะปีนี้หันไปรุกกลุ่มรายย่อยเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จ่ายเบี้ยเป็นเงินสดทันที
ก่อนหน้านี้ นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด
เคยให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า บริษัทประกันภัยในปัจจุบันมีเบี้ยค้างรับเฉลี่ยในตลาดอยู่ที่ 75 วัน เกิน 60 วัน
ที่กฎหมายกำหนด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลไกการแข่งขันในตลาดอยากเอาใจลูกค้าและตัวแทน จึงยอมขยายเวลาให้นานๆ
แต่ตามหลักการรับเบี้ยเร็วเท่าไรยิ่งดีกับบริษัท ขณะที่แนวทางการศึกษาครั้งนี้ ทางสมาคม
จะต้องสร้างระบบหรือกลไกในการจ่ายเบี้ยและการออกกรมธรรม์เพื่อให้ทุกฝ่ายใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันและยุติธรรมกับทุกฝ่ายซึ่งอยากให้ลดเวลาส่งเบี้ยลงมาเหลือ 40-50 วัน
ทั้งนี้ Cash before cover เป็นแนวคิดซึ่งเป็นข้อเสนอของสมาคมนายหน้าประกันภัย
ในการกำหนดแผนแม่บทประกันภัยแห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางรองรับในการที่บริษัทประกันภัย
ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามประเภทความเสี่ยง Risk Based Capital : RBC โดยที่ Cash before cover นั้น
เป็นการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นเงินสดและบริษัทประกันภัยจะออกกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยทันที
จากปัจจุบันซึ่งบริษัทประกันภัยหลายแห่งมักจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องจากการที่ลูกค้าจ่ายเบี้ยให้แก่ตัวแทนหรือนายหน้ามาแล้ว
แต่ไม่ได้มีการส่งเบี้ยดังกล่าวเข้าบริษัททันที ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับความคุ้มครอง
[
แหล่งข่าว:
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2385 21 ธ.ค. - 24 ธ.ค. 2551
http://www.thannews.th.com ] |